อู๋ชิงหยวน ปรมาจารย์หมากล้อมแห่งศตวรรษที่ 20

     อู๋ชิงหยวน ปรมาจารย์หมากล้อมแห่งศตวรรษที่ 20 เป็นผู้ที่น่าจะถือได้ว่าเข้าถึงปรัชญาจักรวาลในหมากล้อมนี้ มากที่สุดคนหนึ่ง กิมย้งนักเขียนนิยายกำลังภายในชื่อดังก็เป็นผู้หนึ่งที่เลื่อมใสในอาจารย์ อู๋ชิงหยวน เพราะกิมย้งเองโดยส่วนตัวก็ชอบเล่นหมากล้อมอยู่แล้ว แต่ที่ตัวเขาเลื่อมใสอาจารย์อู๋ชิงหยวนนั้นไม่ใช่แค่เพราะพรสวรรค์อันเปี่ยม ล้นของตัวอาจารย์อู๋ชิงหยวนเท่านั้น แต่เพราะอาจารย์อู๋ชิงหยวนเป็นยอดนักหมากล้อมแห่งศตวรรษที่ 20 คนแรกที่สามารถนำเอาศิลปะแห่งเกมกีฬาอย่างหมากล้อมที่มุ่งเน้นในการแพ้ชนะ อย่างเดียวนี้ มายกระดับให้สูงส่งขึ้นถึงขั้นสุดยอดแห่งภาวะความเป็นมนุษย์แบบเต๋าได้

     อาจารย์อู๋ชิงหยวน ต่างจากนักหมากล้อมฝีมือเลอเลิศทั่วไป ตรงที่นักหมากล้อมฝีมือเลอเลิศนั้นเกิดขึ้นบ่อยในทุกยุค แต่ยอดปรมาจารย์แห่งวงการหมากล้อมนานที นับเป็นหลายร้อยปีถึงจะปรากฏขึ้นสักครั้งความยิ่งใหญ่ของอาจารย์อู๋ชิงหยวน นั้นอยู่ที่ท่านได้นำหลักธรรมของเซนเรื่องการประคองสภาวะของจิตอันเป็นปกติ ในทุกสถานการณ์มาใช้ในเกมการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างหมากล้อมอย่างประสบความ สำเร็จ

     ท่านใช้หมากล้อมเป็นศิลปะในการบ่มเพาะ สภาวะจิตแบบเซน หรือสภาวะแห่ง "จิตอันเป็นปกติ" นี้ซึ่งทำให้สำหรับตัวท่านแล้ว การเล่นหมากล้อม มิใช่เกมที่ไร้สาระ ผลาญพลังงานและผลาญเวลาไปเปล่าๆมิหนำซ้ำยังทำให้เกิดอัตตายึดติดในผลแพ้ชนะ อันเป็นโทษที่แลเห็นได้ชัดของการหมกมุ่นในหมากล้อมที่ต้องระวังให้มาก กล่าวโดยนัยนี้เราต้องถือว่า อาจารย์อู๋ชิงหยวนประสบความสำเร็จในการยกระดับการเล่นหมากล้อมการฝึกฝน หมากล้อมของท่านให้กลายเป็นวิถีธรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งเซนและเต๋า เพื่อการชำระจิตใจของตนเอง

     ด้วยเหตุนี้ อาจารย์อู๋ชิงหยวนถึงกล้านำเสนอแนวคิดแบบเต๋าที่ว่าด้วย "ความปรองดองกับจักรวาล" ในหมากล้อมโดยหลักการนี้มุ่งที่จะสร้างดุลยภาพให้เกิดขึ้นในเกมการแข่งขัน เน้นการสร้างสรรค์แปลกใหม่ในแต่ละเกมเพิ่มมิติมุมมองใหม่เชิงศิลปะในเกมหมาก ล้อม มากกว่าการให้ความสำคัญในเรื่องผลแพ้ชนะ "ลำพัง แค่การค้นคว้าทางเทคนิคอย่างเดียว เราไม่สามารถที่จะเข้าถึงหรือบรรลุถึงสภาวะแห่ง "ตรงกลาง" นี้ได้ เพราะ "ตรงกลาง" นี้มันจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา พร้อมๆ
กับหมากแต่ละหมากที่ได้วางลงไป ผู้ที่จะเข้าถึงสภาวะนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่สามารถทำจิตของตนให้ใสกระจ่าง ดุจกระจกที่สามารถสะท้อนภูมิปัญญาอันล้ำเลิศของจักรวาลออกมาในการเดินหมาก แต่ละหมากที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้"

     เพราะหมากล้อมเป็นโลกที่ไร้รูปไร้ขอบ เขตที่ไม่อาจควบคุมหรือจัดการได้ด้วยเทคนิคล้วนๆ หรือด้วยเทคนิคแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น วิถีของปรมาจารย์หมากล้อมอย่างอู๋ชิงหยวน จึงอยู่ที่แค่มุ่งค้นหา "ตรงกลาง" ในท่ามกลางความไร้รูปไร้ขอบเขตของหมากล้อมเท่านั้นไม่มีอย่างใดอื่นอีก และผลพวงของการแสวงหาการค้นหานี้คือ การค้นพบหลักการหรือ หลักความจริงของหมากล้อมหรือ ประกาศิตของหมากล้อม ที่ใครก็ไม่อาจละเมิดได้หาไม่แล้วเมื่อคนผู้นั้นได้พบกับคู่ต่อสู้ที่เข้าใจ หลักความจริงของหมากล้อมนี้ได้ลึกซึ้งกว่าเขาก็จะได้รับความเจ็บปวดจากบท เรียนราคาแพงเสมอแก่นแท้ของหลักกลยุทธ์ก็ล้วนแฝงอยู่ในหลักความจริงของหมาก ล้อม หรือประกาศิตของหมากล้อมนี้ทั้งสิ้น

     คุณูปการที่ยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่งของ อาจารย์อู๋ชิงหยวน ที่มีต่อวงการหมากล้อมสมัยใหม่ก็คือท่านกล้าสลัดทิ้ง "หลักความจริงแบบเก่า" ของหมากล้อมที่เชื่อกันมานับร้อยๆ ปีว่าหมากล้อมจะต้องเดินจากมุมสู่ด้านข้างสู่ตรงกลางกระดานตามลำดับนี้เสมอ อย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อาจารย์อู๋ชิงหยวนในวัยหนุ่มน้อยเพียงแค่ 19 ปี ก็กล้าคิดนอกกรอบด้วยการนำเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการเปิดเกมที่ไม่ยึดติด กับหลักการเดิมในอดีตแต่เริ่มจากมุมมองใหม่ที่มองว่า "หลักความจริงแบบใหม่" ของหมากล้อมก็คือเสรีภาพที่จะเลือกวางหมากได้อย่างอิสรเสรีตรงไหนก็ได้โดย คำนึงถึงดุลยภาพและความปรองดองของหมากทั้งกระดานเป็นสำคัญ

     นี่คือการปฏิวัติทางความคิดเกี่ยวกับ หมากล้อมในวงการหมากล้อมของอู๋ชิงหยวนโดยแท้เพราะเป็นการนำเสนอว่า โลกของหมากล้อม คือจักรวาลอันไร้ขอบเขตซึ่งเป็นมุมมองที่ไม่มีนักหมากล้อมคนไหนในญี่ปุ่น ก่อนหน้านั้น กล้านำเสนอมาก่อนนับร้อยๆ ปีมาแล้วจากความเข้าใจใหม่อันนี้ เมื่อเรามาศึกษาถึงประกาศิตต่างๆ ของหมากล้อม
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาเรื่องหลักกลยุทธ์ เราจะได้ บทเรียนเชิงกลยุทธ์จากหลักความจริงของหมากล้อม ต่างๆ
ดังต่อไปนี้

     (1) อย่าเดินหมากครึ่งๆ กลางๆ

     (2) อย่าทำร้ายหมากของตนเอง หากจำต้องสละหมากบางส่วนก็เพื่อที่จะได้ผลประโยชน์ในทางอื่นตอบแทนกลับคืนมาเสนอ

     (3) อย่าหมกมุ่นอยู่กับการสู้รบ จนกลายเป็นสู้เพื่อที่จะสู้เท่านั้นโดยไม่ได้คำนึงถึงผลได้ผลเสียในแต่ละ สนามรบเลย การสู้อย่างหัวชนฝา อย่างตาบอดเช่นนี้จะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้ในสงครามเท่านั้น

     (4) จงหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเกมที่ตัวเองเล่น จนกระทั่ง ความหมายของเกมนั้นในขณะนั้นคือโลกทั้งหมดของผู้เล่นคนนั้นในขณะนั้น

     (5) ผู้ที่ไม่สามารถเคลื่อย้าย สลับปรับเปลี่ยนมุมมองในระดับภาพรวมกับในระดับเฉพาะส่วนได้อย่างดังใจ ย่อมพ่ายแพ้ต่อผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้ ในขณะดำเนินกลยุทธ์เสมอ

     (6) หนึ่งหมากคือหนึ่งโอกาสเสมอ ในกระดานที่หมากเริ่มถูกถมเต็มยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่หมากๆหนึ่งจะส่งผลสะเทือนต่อสถานการณ์โดยรวมก็จะยิ่งลดน้อยลงตาม ลำดับ

     (7) ทั้งในหมากล้อมและในชีวิตจริง ความได้เปรียบจากการเป็น "มือนำ" จะดำรงอยู่เสมอ

     (8) อย่าเดินหมากที่ช่วยให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

     (9) อย่าเล่นหมากช่วงปิดเกมก่อนช่วงกลางเกม และอย่าเล่นหมากช่วงกลางเกมก่อนช่วงเปิดเกมเราต้องเล่นหมากที่เหมาะสมกับ ขั้นตอนที่เรากำลังอยู่ในเกม

    (10) ชัยชนะในหมากล้อมจะมีกับผู้ที่เคารพความจริงที่ว่าเราไม่สามารถรู้ความเป็น ไปได้ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในเกม เราจึงต้องยอมรับความไม่แน่นอนนี้และปรับตัวให้เข้ากับความไม่แน่นอนหรือ ความเปลี่ยนแปลงนี้ให้ดีที่สุดโดยที่ชัยชนะเป็นเพียงผลพลอยได้ของการปรับตัว นี้เท่านั้น

    (11) อย่ายึดติดกับแผนการที่วางไว้ก่อนหน้านั้น แผนการมีไว้ยกเลิก

    (12) ต้องคิดใหม่ และคิดใหม่อยู่เรื่อยๆ เพราะทุกเกมในหมากล้อมเป็นเกมใหม่สดที่ไม่เคยซ้ำรอยเลยและชีวิตก็เช่นกัน

    (13) หมากที่วางลงไปแล้วขยับไม่ได้ ต่อให้เดินพลาด เดินไม่ดีไปแล้วก็ต้องยอมรับหมากที่ตัวเราได้เล่นไปแล้ว

    (14) จงเดินหมากที่ให้ประโยชน์ได้หลายทาง

    (15) เราไม่มีทางรู้จิตใจของคู่ต่อสู้ โดยดูแค่หมากของเขาเท่านั้น

    (16) รูรั่วเล็กๆ อาจกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ได้ ต้องเอาใจใส่ แม้แต่จุดอ่อนเล็กๆ น้อยๆในกลุ่มหมากของตน เกมทั้งเองอาจพลิกคว่ำพ่ายแพ้ได้ ถ้าผู้เล่นสนใจแต่ภาพใหญ่เท่านั้นโดยขาดความละเอียดรอบคอบในเรื่องเล็กๆ งานด่วนจึงต้องมาก่อนงานใหญ่เสมอ

    (17) จงเดินหมากอย่างลื่นไหล ไม่หนักไป ไม่อ่อนไป ไม่แน่นไป ไม่หลวมไป

    (18) โจมตีไม่ใช่เพื่อฆ่า แต่โจมตีเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์

    (19) วิถีของหมากล้อมคือ การแสวงหาหมากที่ดีที่สุดอย่างไม่มีวันจบสิ้น และพยายาม"ก้าวข้าม" หลักความจริงแบบเก่าเสมอ

    ภูมิปัญญาหมากล้อมเพื่อการเข้าถึงแก่นแท้ของกลยุทธ์นั้นมีอย่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งเท่าที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น เป็นแค่บางส่วนเท่านั้นสุด ท้ายแล้วผู้นั้นก็ต้องกระโดดเข้ามาศึกษาด้วยตนเอง เพื่อเข้าถึงด้วยตนเองภูมิปัญญาแห่งกลยุทธ์จากหมากล้อม จึงจะกลายเป็นของคนผู้นั้นได้

บทความตัดตอนจาก
http://www.suvinai-dragon.com
http://www.geocities.com/geogoclub

ที่มา http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=mscc2&topic=494